【Review】 Dragon Quest III HD-2D Remake เหล้าเก่าในขวดใหม่

ดราก้อนเควสท์ 3 เป็นอันดับ 1 ในแง่ความนิยมสำหรับในประเทศญี่ปุ่น โดยคนญี่ปุ่นโหวตให้ภาคนี้เป็นภาคที่ชื่นชอบที่สุด รวมถึงตัวผมเองด้วย

Dragon Quest III HD-2D Remake

  • Platfrom: Nintendo Switch, PlayStation 5, Xbox Series X/S, Steam
  • Genre: RPG
  • Publisher: Square Enix
  • Release date: 14 November 2024

Text by: Naima

จุดเด่นของเกมภาคนี้ ไม่ใช่เนื้อเรื่องที่เข้มข้น แต่เป็นสมดุลเกมที่เล่นแล้วไม่เบื่อ ช่วงแรกเส้นทางเหมือนบังคับ แต่จริง ๆ ก็สามารถไปไหนมาไหนได้มากกว่า ถ้าเราสามารถผ่านศัตรูที่แข็งแกร่งได้ เราก็ไปได้ไกลถึง อิชิสึ หรือบาฮาราตะได้ และพอได้เรือ เกมก็ให้อิสระมากกว่าที่หลาย ๆ คนคิด โดยเฉพาะช่วงการตามหาลูกแก้วที่เล่นได้ไม่ต่างอะไรกับเกมโอเพ่นเวิล์ดเลย

การเปลี่ยนแปลงกราฟฟิค

การรีเมคคราวนี้ หลายคนน่าจะมองไปที่กราฟฟิก ซึ่งตัวผมเองก็ประทับใจในเรื่องกราฟฟิกมากอยู่ครับ เพราะมันทำให้จินตนาการในครั้งฟามิคอมออกมาเป็นภาพจริงได้ ทั้งดันเจี้ยน ทั้งฉากเมือง ให้รายละเอียดฉากที่ซับซ้อน แสงสีที่งดงาม ฉากดันเจี้ยอย่างถ้ำเอลฟ์ หอคอยเปลี่ยนอาชีพ หรือเมืองอย่างอาเรียฮัน โนนิล เมืองเอลฟ์ จิปังกุ อิชิสึ บาฮาราตะ ให้รายละเอียดฉากต้นไม้ แสงสว่างยามกลางวันและกลางคืน สามารถทำให้ภาพที่เคยอิมเมจไว้กลายเป็นจริงมาได้ในระดับนี้ ผมเองยังหวังว่า ภาค 4 จะรีเมกกันแบบภาค 11 ไปเลย

เนื้อหาในเกมที่เปลี่ยนแปลง

ถ้าใครเล่นภาคแฟมิคอมมา โดยไม่เคยเล่นภาคซุปเปอร์ ก็จะพบว่าเกมมีรายละเอียดในส่วนเรื่องราวของตัวเอก กับ ออลเตก้า ฮีโร่ผู้พ่อมากขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก ผมเองก็รู้สึกอินเวลาเดินเข้าเมือง แล้วมีการพูดถึงตัวเราในฐานะฮีโร่ลูกชาย มีการเล่าเรื่องการต่อสู้ปกป้องเมือง การพบหมวกของออลเตก้าที่นำกลับมาให้แม่ดูได้ด้วย การเล่าเรื่องราวทำด้วยรายละเอียดกราฟฟิคและเสียงพากย์ อาจจะดูแปลก ๆ สำหรับดราก้อนเควสท์ แต่ก็ทำได้ดีทีเดียวครับ

ระบบ UI ที่เปลี่ยนแปลง

สิ่งที่ดีที่สุดของการเปลี่ยนแปลงสำหรับผม คือการใส่ใจในระบบคำสั่งต่าง ๆ และระบบการแสดงผลบนหน้าจอ เป็นการพัฒนาการควบคุมให้ทันสมัย เช่นการใช้คำสั่งรูล่าเพื่อไปเมืองไหนก็ได้ในฉากแผนที่ หรือการกดเร่งความเร็ว และหนีออกจากการต่อสู้อัตโนมัติโดยไม่ต้องกดคำสั่งให้วุ่นวาย มีระบบแนะนำเป้าหมายว่าตอนนี้เล่นถึงจุดไหน เป้าหมายต่อไปคืออะไร

รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เปลี่ยนแปลง ทั้งดีและไม่ดี

ถ้าใครเป็นแฟนซีรี่ส์เควสท์จริง ๆ ก็คงจะรับรู้ถึงรายละเอียดที่เพิ่มเข้ามาอย่างเดี เช่น เมื่อเราใช้คาถา ริเลมิโด้ หรือคาถาออกจากดันเจี้ยน พอสั่งแล้วจะต้องตอบตกลงก่อน ถึงจะออกจากดันเจี้ยน ซึ่งของเดิม เรามักจะพลาดเวลาเลือกคาถา เพราะริเลมิโด้ มันจะอยู่เป็นอันดับต้น บางครั้งกำลังเดินลุยในดันจี้ยนดี ๆ จะใช้คาถาเติมพลัง ดันกดพลาดออกดันเจี้ยนไปก็มี

แต่ที่น่าประหลาดใจคือ การใช้คาถารูล่าได้ทุกที่ ในดันเจี้ยน ในเมือง ซึ่งของเดิมจะใช้ไม่ได้เพราะจะชนเพดาน ตรงนี้ทำให้เกมง่ายขึ้นมาก เพราะสามารถใช้รูล่าไปไหนก็ได้ ไปดันเจี้ยน จุดวาร์ป ก็ทำได้ รวมถึงใช้จากที่ไหนก็ได้ด้วย อาจจะอำนวยความสะดวกมาก แต่จริง ๆ การมีข้อจำกัดก็ไม่ได้ทำให้เกมสนุกน้อยลง ตรงนี้คิดว่าเกมทำให้ง่ายไปหน่อย

อาชีพและสกิลต่าง ๆ

สิ่งที่น่าประทับใจอีกอย่าง ไม่ใช่แค่อาชีพที่เพิ่มเข้ามา อย่างนักเลี้ยงมอนสเตอร์ (Monster Wrangler) แต่สามารถปรับเปลี่ยนลักษณะของตัวละครในแต่ละอาชีพได้ แม้จะไม่มากนัก ก็ทำให้รู้สึกได้ถึงการสร้างตัวละครของตัวเองขึ้นมาได้

นอกจากนี้ สกิลต่าง ๆ ของนักรบ โจร พ่อค้า หรือ ตัวตลก ก็ทำให้อาชีพเหล่านี้มีประโยชน์มากขึ้น จากเดิมที่เป็นตัวละครที่ไม่มีคนใช้เล่นจริง ๆ นอกจากจบแล้วจะลองใช้ขำ ๆ โดยเฉพาะนักเลี้ยงมอนสเตอร์นี่ต้องถือว่าเก่งมากในตอนต้น ๆ เลย

ระบบมอนสเตอร์แบทเทิล และเหรียญที่ดูเกินความจำเป็น

ตัวเกมมีการเพิ่มเหรียญเล็กซึ่งเป็นเหมือนระบบหลักในดราก้อนเควสท์ภาคหลัง ๆ ซึ่งเราสามารถตามหาเหรียญเล็กได้จากจุดต่าง ๆ ในฉาก หีบสมบัติ ไห หรือตู้ ซึ่งถ้าเรามีโจรเป็นพวก ก็จะหาได้ง่าย แต่ถ้าไม่มี บางจุดอยู่บนพื้นเลยจะหาได้ยาก ต้องเดินไปให้ทั่ว ๆ จะมีคำสั่งสำรวจขึ้นมา

ตรงนี้ก็แตกต่างจากเดิม เพราะการสำรวจไหในภาคนี้เราไม่ได้ยกไหทุ่มเหมือนภาคหลัง ๆ อีกต่อไปแล้ว ทว่าไอเทมที่ได้จากเหรียญเล็กที่เก็บได้เร็วอยู่ ทำให้เกมดูจะง่ายไปหน่อยครับ

ส่วนของระบบมอนสเตอร์แบทเทิลเองก็เช่นกัน ตัวเกมมีการพบเจอมอนสเตอร์ในที่ต่าง ๆ ทั้งในเมือง ในดันเจี้ยน หรือพื้นที่บนฉากฟิลด์ มอนสเตอร์จะมีเงื่อนไขที่จะได้อยู่ พอได้มาแล้ว จะมีเมืองให้เรานำมอนสเตอร์ไปสู้ตามเมืองโดยจะต้องสู้ตามลำดับ จะข้ามเมืองไม่ได้ บางทีไปไกลแล้ว ไม่ได้สู้ พอจะกลับไปสู้ก็ขี้เกียจ แทบจะลืมไปเลยก็มี

อัพเลเวลง่าย แต่สู้ได้ยาก

ภาคนี้ การปรากฏตัวของศัตรูในฉากสู้จะเยอะกว่าของเดิมมาก ข้อดีคือเลเวลขึ้นค่อนข้างเร็ว การต่อสู้ก็ไม่ได้ยาก แม้ศัตรูจะเยอะขึ้นก็ตาม ระบบ AI และอาวุธใหม่ ๆ ทำให้เล่นง่าย เพราะภาคนี้มีการนำบูเมอแรง และแส้ เพิ่มเข้ามาด้วย ทำให้โจมตีศัตรูเป็นกลุ่มได้ นอกจากนี้คาถายังซอยย่อยเพิ่มอีก เช่นคาถาชุบชีวิต ซาโอ ที่เป็นขั้นต้นสุดต่ำกว่า ซาโอรัล หรือ ซาโอริก เป็นต้น

อ่านถึงตรงนี้ก็จะประหลาดใจว่า ทำไมบอกว่าสู้ยาก เหตุผลหนึ่งก็เพราะจำนวนศัตรูที่มาก ในบางครั้งเจอศัตรูประเภทที่ใช้คาถาอย่าง ซากี้ ทำให้ตายมาพร้อมกันหลาย ๆ ตัว แม้จะพลาดบ้างแต่ก็มีโอกาสโดนตายยกทีม หรือเป็นศัตรูที่โจมตีหนักมากแต่ไม่แม่น ทว่า มีหลายตัว โอกาสโดนโจมตีหนักก็เพิ่มขึ้นนั่นเองครับ

สรุปแล้ว... Dragon Quest III HD-2D Remake เนื้อเรื่องไม่เปลี่ยน แต่ให้รายละเอียดทำให้รู้สึกได้ถึงเนื้อเรื่องมากขึ้น รับรู้บรรยากาศดันเจี้ยนได้เข้าถึงมากขึ้น แต่ตรงนั้นกลับทำให้ไม่รู้สึกกังวลเพราะเราสามารถมองเห็นแผนที่ได้ ต่างจากของฟามิคอมที่บางทีก็หาทางไม่เจอ ฉากเดินที่ละเอียดสวยงามก็ทำให้เดินได้ใกล้ขึ้นกว่าเดิม แต่ก็น่าจะทำให้ผู้เล่นใหม่ ๆ สนุกได้ง่ายกว่าของเดิม เรียกว่าถ้าผู้เล่นเดิมก็ซึมซับบรรยากาศให้หายคิดถึง เกมเพลย์ก็เล่นขำ ๆ กับไปตีบอสยาก ๆ เอา ส่วนผู้เล่นใหม่ ๆ ก็น่าจะสนุกกับเกมที่มีระบบช่วยเหมือนเกมยุคใหม่ได้ครับ

▱▰▱▰ INFO ▱▰▱▰

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม FB Square Enix
ข่าวอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง FB MEGAXGAME Review

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น